นักท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ตามแลนด์มาร์ก แต่ตามหา "ประสบการณ์ที่ใช่" จาก Mass Tourism สู่ Local Experience
ในวันที่โลกท่องเที่ยวเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวทุกวันนี้ไม่ได้มองหาเพียงแลนด์มาร์กเดิม ๆ แต่กำลังตามหา “ประสบการณ์” ที่แท้จริง เมืองรองจึงกลายเป็นพื้นที่โอกาส ที่รอให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก๋าเข้าไปเติมเต็ม
*เที่ยวเปลี่ยน โลกเปลี่ยน เมืองรองก็เปลี่ยน
รายงานจาก Krungthai COMPASS เผยว่า เมืองรอง 55 จังหวัดของไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ โดยกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค แต่กลับมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกันน้อยกว่าเมืองท่องเที่ยวหลักเพียงไม่กี่แห่ง
เทรนด์ใหม่เริ่มชัดเจนขึ้น นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจาก Mass Tourism การท่องเที่ยวแบบเน้นไปยังแหล่งยอดนิยม→ สู่ Local Experience ที่แสวงหาความเรียบง่ายและความเป็นท้องถิ่นที่แท้จริง
- 5 เมืองรองยอดนิยม เช่น สุพรรณบุรี เชียงราย จันทบุรี อุดรธานี และสมุทรสงคราม มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงถึง 130–343% หรือคิดเป็นการเติบโตถึงราว 2–3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด
- รายได้จากเมืองรองในครึ่งแรกของปี 2567 พุ่งขึ้นแตะ 13.4%
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในเมืองรอง ที่พร้อมจะปรับตัวรับเทรนด์ท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงสุขภาพ หรือ Film Tourism ที่ช่วยเปลี่ยนเมืองเล็กให้กลายเป็นจุดเช็กอินระดับโลก
*บีโอไอชวนมาเปิดทางสู่โมเดลธุรกิจใหม่สร้างเมืองรองให้มีชีวิต
กับการยกระดับสิทธิประโยชน์ในกิจการท่องเที่ยวสำหรับเมืองรอง 55 จังหวัดทั่วประเทศ
- สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุด 8 ปี กับกิจการด้านการท่องเที่ยว
- สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นระยะเวลา 5 ปี กับกิจการโรงแรมในเมืองรอง
- เปิดกว้างทั้งสำหรับธุรกิจรายใหญ่ และ SMEs ที่มีไอเดียดี ๆ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า บีโอไอส่งเสริมการลงทุนเฉพาะโรงแรมหรือรีสอร์ต แต่ในความจริง *สิทธิประโยชน์ครอบคลุมถึงกิจการเพื่อการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น
- บริการที่จอดเรือท่องเที่ยว
- สวนสนุก
- ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย หรือศูนย์หัตถกรรมไทย
- สวนสัตว์เปิด
- พิพิธภัณฑ์
- สนามแข่งขันยานยนต์
- กระเช้าไฟฟ้าหรือรถรางไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยว
- ท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise Terminal)
- การสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ
- หอประชุมขนาดใหญ่ และศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ
สิ่งเหล่านี้คือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่สร้าง “ประสบการณ์” และ “เศรษฐกิจคุณภาพ” ให้กับเมืองรองในระยะยาว
*เทรนด์โลกบวกเสน่ห์ไทยสู่โอกาสใหม่ที่ลงมือได้ทันที
วันนี้เทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากข้อมูลของ Krungthai COMPASS พบว่าเทรนด์ที่มาแรงที่สุด คือ
1. Gastronomy Tourism – การท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยเฉพาะ Street Food ไทยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่าง มหาศาล
2. Cultural Tourism – ความหลากหลายของวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกไทย
3. Film Tourism – นักท่องเที่ยวจำนวนมากตามรอยซีรีส์ ละคร และมิวสิกวิดีโอ
4. Wellness Tourism – การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสูง
5. Sustainable Tourism – นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น
6. Digital Nomad Tourism – กลุ่ม Workcation ที่ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย เน้นใช้ชีวิตระยะยาวในเมืองที่น่าอยู่ พร้อมใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิต
สำหรับใครที่มีไอเดีย เพื่อสร้างธุรกิจที่มีความหมายให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านี้กำลังมองหาประสบการณ์แบบ Local Experience
< เปิดโฮมสเตย์แบบรักษ์โลก
< เปิดเวิร์กช็อปทำอาหารท้องถิ่น
< สร้างคอมมูนิตี้อาร์ต หรือ Creative Park ให้คนท้องถิ่นกับนักเดินทางได้มาเจอกัน
< หรือจะเปิด Co-working Café ที่ใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูป
เทรนด์โลกกำลังหมุนมาทาง “Local Experience” ที่จะเปลี่ยนเมืองรองให้ไม่ใช่แค่ทางผ่านอีกต่อไป แต่คือจุดหมายปลายทางของโอกาสใหม่